Hacktode

ทำนายฝัน ดูดวง อาชญกรรม กีฬา และข่าวทั่วไป


‘L&E’ ปักตั้งธงรายได้ปี 64 โต 15-25% รุกผลิตภัณฑ์ IoT – เสริมกองทัพธุรกิจใหม่
นายมาก คำกล่าวขวัญวิทยากุล ประธานข้าราชการบริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E นักธุรกิจชั้นนำผลิตและก็ขายโคมฟ้า รวมถึงเครื่องใช้ไม้สอยแสงไฟรายใหญ่ของเมืองไทยและก็ในภูมิภาคอาเซียน เผยออกมาว่า กลยุทธ์ดำเนินธุรกิจในปี 2564 มั่นใจว่าจะปรับพฤติกรรมดียิ่งขึ้นจากปีที่ล่วงเลยไป จากการรับทราบรายได้ของงานในมือ ปัจจุบันนี้มีอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท ซึ่งจำนวนมากเป็นงานที่เลื่อนมาจากปี 2563 รวมทั้งคาดจะรับทราบทั้งผองในปีนี้ พร้อมตั้งความมุ่งหมายรายได้เติบโต 15-25% โดยยังคงโมเดลธุรกิจ “Total Lighting Solution Provider” เพื่อสร้างความมั่นใจและความเชื่อมั่นว่าลูกค้าจะได้รับบริการที่เหมาะสมที่สุดรวมทั้งสามารถตอบปัญหาลูกค้าได้อย่างดีเยี่ยม  ภายใต้กระแสเศรษฐกิจดิจิทัลที่พวกเรากำลังพบเจออยู่ขณะนี้ บริษัทฯ จะยังคงให้ความเอาใจใส่เป็นพิเศษกับสินค้ารวมทั้งบริการที่เกี่ยวเนื่องกับ IoT ซึ่งบริษัทฯ ได้ปรับปรุงกระทั่งเรียกได้ว่าอยู่ในขั้นแนวหน้าของประเทศ ส่งผลงานในด้านนี้จำนวนหลายชิ้น ยกตัวอย่างเช่น สมาร์ทสิตี้ ที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี  โคมไฟข้างทางอัจฉริยะที่วังจันทน์ วัลเลย์ จังหวัดระยอง รวมทั้งประทีปฟ้า โซล่าร์อัจฉริยะรอบท่าอากาศยานปริมาณ 22 ที่ ของกรมท่าอากาศยาน ฯลฯ แล้วก็มีทิศทางว่าธุรกิจด้านนี้กำลังเติบโตมากขึ้นอย่างเร็ว
นายมากบอกว่า สำหรับผลประกอบการงวดปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้จากแนวทางการขายแล้วก็ให้บริการ 2,412 ล้านบาท น้อยลงจากปีกลายหน้า 297 ล้านบาท หรือน้อยลง 11% ได้ผลจากธุรกิจต่างๆได้รับผลพวงจากการแพร่ระบาดของวัววิด-19 ทำให้ชะลอการลงทุนและก็ซื้อผลิตภัณฑ์จากบริษัทต่ำลง และก็ราคาต่อหน่วยผลิตภัณฑ์บางรายการจำเป็นต้องปรับนิสัยน้อยลง นอกจากนั้นยังมีงานโครงงานปริมาณหนึ่งราคาราว 256 ล้านบาท ที่ลูกค้าขอเลื่อนการรับมอบงานจากปี 2563 ไปเป็นปี 2564 โดยบริษัทฯ มีกำไรทั้งสิ้นสำหรับงวด 37.1 ล้านบาท ต่ำลงจากปีกลายหน้า 35.1 ล้านบาท หรือลดน้อยลง 49% ได้ผลจากผลกำไรเบื้องต้นจากแนวทางการขายรวมรายได้น้อยลง 156.7 ล้านบาท ได้ผลสำเร็จจากรายได้จากวิธีขายรวมทั้งให้บริการน้อยลง รวมทั้งอัตราผลกำไรช่วงต้นได้ปรับพฤติกรรมลดน้อยลงจาก 34.5% ในปี 2562 เป็น 32.2%ในปี 2563 เนื่องด้วยบริษัทฯ ได้ขายของที่มีอัตราผลกำไรช่วงต้นสูงยิ่งกว่าในรูปทรงที่ต่ำลง รวมถึงมีผลิตภัณฑ์บางรายการจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงราคาขายลง ตอนที่การลดทุนผลิตทำได้น้อยกว่า โดยรายจ่ายสำหรับการขายรวมทั้งบริหารรวมดอกจ่ายลดน้อยลง 109 ล้านบาท สำเร็จจากรายจ่ายที่แปรเปลี่ยนตามผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานได้ปรับนิสัยน้อยลง และก็ค่าครองชีพสำหรับการเดินทางและก็เกื้อหนุนวิธีขายต่ำลง ซึ่งได้ผลสำเร็จกระทบจากการแพร่ระบาดของวัววิด-19  ในช่วงเวลาที่ภาษีรายได้นิติบุคคลต่ำลง 12.8 ล้านบาท รวมทั้งส่วนที่เป็นของส่วนได้เสียที่ไม่มีอิทธิพลควบ 0.2 ล้านบาท
“ปี 2563 ก่อนหน้านี้เป็นปีที่มีความท้าทายด้านหลังอย่างมาก จากการแพร่ระบาดของวัววิด-19 ทำให้การลงทุนหรือโครงงานต่างๆชะลอตัว ประกอบกับราคาผลิตภัณฑ์มีการแข่งร้ายแรง แล้วก็ราคาผลิตภัณฑ์จะต้องปรับนิสัยน้อยลง ส่งผลต่อยอดจำหน่าย” นายมากกล่าว
นายมากพูดว่า บริษัทฯ ให้ความสําคัญกับการเจริญเติบโตที่ยืนนาน โดยมีนโยบายรักษาระเบียบทางด้านการเงิน และก็จะรักษารูปร่าง D/E ที่สมควร ไม่ให้กำเนิดปัญหาการเสี่ยงจากการลงทุนมากจนเกินไป  อย่างไรก็แล้วแต่ บริษัทฯ ยังคงพิจารณาถึงผู้ถือหุ้นเป็นหลัก ถึงแม้ผลประกอบการปี 2563 จะน้อยลง แต่ว่าห้องประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ลงความเห็นเห็นควรพรีเซนเทชั่นต่อห้องประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรายปี 2564 พินิจพิเคราะห์ชำระเงินเงินปันผลรายปี หมดในวันที่ 31 ธ.ค. 2563 โดยชำระเงินเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.075 บาทต่อหุ้น ระบุรายนามผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 5 เดือนพฤษภาคม 2564 รวมทั้งชำระเงินเงินปันผลวันที่ 21 พฤษภาคม 2564 โดยบริษัทฯ จะจัดสัมมนาสามัญผู้ถือหุ้น วันที่ 28  เม.ย. 2564 เพื่อพินิจความเห็นดังที่กล่าวมาแล้ว