Hacktode

ทำนายฝัน ดูดวง อาชญกรรม กีฬา และข่าวทั่วไป


เศรษฐกิจทรุดหนัก ติดลบ 6.1% ‘สภาพัฒน์’ เปิดเผย ปี63 ต่ำสุดในรอบ 22 ปี
นายดนุชา พิชยความสนุกสนาน เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจรวมทั้งสังคมแห่งชาติ (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) เผยออกมาว่า จำนวนสินค้ามวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปี 2563 หดตัว ติดลบกว่า 6.1% ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนที่ต่ำสุดในรอบ 22 ปี ตั้งแต่กำเนิดวิกฤตต้มยำกุ้ง โดยต้นเหตุหลักมีต้นเหตุมาจากผลพวงของวัววิด-19 ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงกับภาคการท่องเที่ยว แล้วก็เศรษฐกิจภายในประเทศ ส่วนความร้อนแรงด้านการเมืองภายในประเทศยังไม่เป็นผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในรูปภาพรวม ระหว่างที่ จำนวนจีดีพีในไตรมาส 4/2563 เติบโตได้ 1.3% ถ้าเกิดเทียบกับไตรมาส 3/2563 แม้กระนั้นหดตัวลง 4.2% แม้เทียบกับปี 2562 โดยเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ก่อนหน้าที่ผ่านมา สามารถขยายตัวจากการอุปโภค บริโภคภาครัฐ และก็เอกชนที่ขยายตัวดีตลอด
แนวโน้มเศรษฐกิจปี 2564 คาดว่าขยายตัวอยู่ที่ 2.5%-3.5% มีค่ากึ่งกลางอยู่ที่ 3%  ซึ่งเป็นการปรับนิสัยต่ำลงจากคาดเดาเดิม ที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวในตอน 3.5%-4.5% ปัจจัยที่คาดคะเนจีดีพีปีนี้ลดน้อยลง เพราะยังส่งผลกระทบจากการระบาดวัววิด-19 รอบใหม่ ที่ยังส่งผลเสียตลอดอยู่ในไตรมาส 1 ของปีนี้ รวมทั้งยังได้คาดคะเนว่า ในตอนไตรมาส 4 ของปี 2564 นักเดินทางฝรั่งจะกลับมาเพียงแค่ 3.2 ล้านคน น้อยลงจากคาดการณ์เดิมที่คาดว่าจะกลับมา 5 ล้านคน
“การเตรียมความพร้อมเปิดรับนักเดินทางต่างประเทศ ควรต้องจัดเตรียมกระจัดกระจายวัคซีนต้านทานเชื้อไวรัสให้กับกรุ๊ปผู้ประกอบในภาคบริการ โดยยิ่งไปกว่านั้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นหลักที่ท่องเที่ยวหลัก เพื่อสามารถเปิดรับนักเดินทางฝรั่งได้เร็วมากขึ้น ซึ่งจะช่วยทำให้เหตุการณ์ในภาคบริการปรับนิสัยดียิ่งขึ้น” นายดนุชา กล่าว
นายดนุชา พูดว่า การผลักดันและสนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชน ที่ไแ้รับการผลักดันและสนับสนุนลฃทุนตั้งแต่ตอนปี 2561-2563 ให้มีการลงทุนจริง โดยยิ่งไปกว่านั้นในปีนี้ เพื่อเป็นตัวกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดกิจกรรมด้านเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น ช่วงเวลาเดียวกันจำเป็นที่จะต้องแก้ไขให้กับนักลงทุนฝรั่งในด้านต่างๆเพื่อนักลงทุนฝรั่งสามารถเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยได้สบายเยอะขึ้นเรื่อยๆ โดยการผลักดันและสนับสนุนการลงทุนในเชิงรุก จะพินิจพิเคราะห์ปรับรูปแบบใหม่ สำหรับในการเข้าพบนักลงทุนที่เป็นอุตสาหกรรมจุดหมายเพิ่มมากขึ้น เพื่อมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างอุตสาหกรรมไทยในระยะต่อไป ซึ่งจำต้องเริ่มตั้งแต่ปีนี้ สำหรับเพื่อการดึงอุตสาหกรรมวัตถุประสงค์ อาทิเช่น ดิจิทัล อุตสาหกรรมยานยนต์กระแสไฟฟ้า แบตเตอรี่ อุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆโดยต้องใช้การเกื้อหนุนเชิงรุกเข้าไปสนทนากับนักลงทุนต่างประเทศที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยี เพื่อเย้ายวนใจให้เข้ามาลงทุนในประเทศมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีส่วนช่วยสำหรับการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง รวมทั้งเพิ่มระดับความสามารถสำหรับในการชิงชัยของผลิตภัณฑ์ไทยในระยะต่อไป